วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา ยาสีฟันเดนทิสเต้กับความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม

กรณีศึกษา ยาสีฟันเดนทิสเต้กับความสำเร็จในการใช้กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
            ยาสีฟันเดนทิสเต้ เป็นยาสีฟันยี่ห้อแรกที่ได้เข้ามาเซกเมนต์ Night Time หรือการใช้ยาสีฟันในช่วงเวลาก่อนนอน โดยมีจุดมุ่งขายในเรื่องการลดแบคทีเรียในช่องปากระหว่างการนอนหลับ
            หากว่ากันแล้ว เดนทิสเต้ได้พยายามผลักตัวเองเพื่อหลีกหนีสมรภูมิการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดยาสีฟันระดับกลุ่มใหญ่ ที่มีการแข่งขันอย่างรุนแรงจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่เพียงไม่กี่ราย ที่ได้ใช้งบทางการตลาด ในการประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์อย่างไม่อั้นด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาล
            ปกติแล้วการทำตลาดยาสีฟัน ต่างก็มีจุดขายเดิมๆที่เหมือนกัน และมักตอบโจทย์ในเรื่องของสุขภาพในช่องปากเป็นหลัก รวมถึงการระงับกลิ่นปาก แต่สิ่งที่เดนทิสเต้นำมาสร้างเป็นจุดขายถือว่าเป็นเรื่องใหม่เพราะที่ผ่านมาไม่มีแบรนด์ใด ที่ใช้จุดขายในเรื่องการระงับกลิ่นปากจากการช่วยลดแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานอนหลับ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า เดนทิสเต้ได้หยิบเอากลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มด้วยการ สร้างตลาดเฉพาะกลุ่ม(Niche)ขึ้นมาซ้อนอยู่ในตลาดกลุ่มใหญ่(Mass) พร้อมกับมุ่งเป้าหมายไปยังคู่รักที่เพิ่งแต่งงานกัน ที่มองถึงปัญหากลิ่นปากจากแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจัดเป็นปัญหาที่ยังไม่มีใครเข้ามาตอบสนองความต้องการในเรื่องดังกล่าวได้
             สิ่งที่เกิดขึ้นภายหลังจากยาสีฟันเดนทิสเต้ได้เข้ามาทำตลาดก็คือ ได้ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ยาสีฟันของคนไทย ที่เปลี่ยนจากการใช้ยาสีฟันหลอดเดียวที่ใช้กันทั้งครอบครัว มาสู่การใช้ยาสีฟันหลอดที่ 2 ที่คนในครอบครัวได้แยกออกมาใช้ต่างหากจากหลอดเดิม จึงทำให้เดนทิสเต้ใช้เวลาไม่ถึง 3 ปี ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นยาสีฟันที่ได้รับความสำเร็จอย่างรวดเร็วเกินคาด โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เดนทิสเต้ได้รัยการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งก็มาจาก การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning)ที่ตรงจุด ด้วยการนำปัญหาที่ผู้บริโภคมีความกังวลมากที่สุดมาเป็นจุดขาย (กลิ่นปากที่เกิดขึ้นในช่วงตื่นนอนตอนเช้า)
            ผลจากการสร้างจุดขายที่มีลักษณะเด่นและแตกต่างนี้เอง ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความต้องการของผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญ จึงทำให้เดนทิสเต้สามารถนำพาแบรนด์ตัวเอง ด้วยการหลีกเลี่ยงเผชิญหน้าในสมรภูมิการแข่งขันจากเจ้าตลาดที่ได้ทุ่มเทงบโฆษณาอย่างมหาศาล และเก็บเกี่ยวยอดขายเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับแบรนด์ของตน เพื่อพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นต่อไปในอนาคต

คำถามจากกรณีศึกษา
1. ทำไมยาสีฟันเดนทิสเต้ จึงหนีการเผชิญหน้าเพื่อแข่งขันโดยตรงกับยาสีฟันยักษ์ใหญ่
ตอบ เพราะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ มีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางโทรทัศน์ทีมีงบไม่อั้น จึงทำให้เดนทิสเต้ไม่อยากที่จะแข่งขันด้วย
2. เดนทิสเต้ได้นำกลยุทธ์อะไรเป็นตับขับเคลื่อน และทำไมจึงใช้กลยุทธ์ดังกล่าว
 ตอบ กลยุทธ์ที่ใช้ คือ กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม พร้อมมุ่งเป้าไปที่คู่เพิ่งแต่งงานกัน เหตุที่ใช้เพราะว่า เดนทิสเต้ต้องการสร้างความแตกต่างจากยาสีฟันยี่ห้ออื่น รวมทั้งใช้เป็นจุดขายของเดนทิสเต้อีกด้วย
3. ปัจจัยสำคัญอะไร ที่ยาสีฟันเดนทิสเต้ สามารถเข้ามามีส่วนแบ่งตลาดได้ในระยะเวลาอันสั้น
 ตอบ มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน เพราะโดยส่วนใหญ่ยาสีฟันทั่วไป จะดูแลสุขภาพในช่องปากเป็นหลัก และช่วยระงับกลิ่นปาก แต่เดนทิสเต้ มีจุดขายในเรื่องการระงับกลิ่นปากจากการช่วลลดแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในช่วง เวลาหลับนอน อีกทั้งยังสามารถตอบโจทย์ที่ผู้บริโภคต้องการได้ คือ การมีลักษณะเด่นและความแตกต่าง
4. สมมติว่าท่านได้รับภาระหน้าที่ในการเจาะตลาดยาสีฟันยี่ห้อหนึ่ง ท่านจะใช้กลยุทธ์ใด และจะกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ด้วยการใช้ลักษณะเด่นอะไรที่คิดว่ายังพอมี ศักยภาพในการทำกำไร รวมทั้งสร้างความพึงพอใจกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ตอบ -กลยุทธ์การให้ข่าวสาร( Public Relation Strategy) เช่น การร่วมมือกับสื่อบางสื่อ เพื่อจัดเทศกาลในโอกาสพิเศษ
      - กลยุทธ์ การใช้พนักงานขาย (Personal  Strategy) เช่น คิดค้นโปรแกรมการให้ผลตอบแทนการขาย ( Incentive Program ) ใหม่ๆ เพื่อเป็นรางวัลแก่พนักงานขายที่ทำยอดขายตามเป้า
     - มีการกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ โดยใช้เกณฑ์คุณภาพสูง ราคาสูง เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่า ยี่ห้อยาสีฟันชนิดนี้มีคุณประโยชน์และคุณค่าในสายตาผู้บริโภค

 โดยนายธวัชชัย บุญมี บ.กจ. 3/1

กรณีศึกษา: บริษัท Nokia ขยายตลาดดัวยการทำคอมพิวเตอร์แล็ปทอป

                บริษัท Nokia ถือเป็นเจ้าตลาดโทรศัพท์มือถือ (Moble Phone) มายาวนา และล่าสุดข่าวลือของโนเกียที่สะพัดออกมาก็คือ การเข้าสู่ธุรกิจเครื่องคอมพิวเตอร์แบบแล็ปทอปหรือโน้ตบุ๊คโดย Kallasvuo ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง CEO ของโนเกียได้มองว่า โทรศัพท์มือถือได้เปิดโอกาสให้ผู้คนเริ่มเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและนี่จึงเป็นโอกาสที่ดีในการต่อยอดไปยังธุรกิจคอมพิวเตอร์ ภายใต้แบรนด์ของตนเองข่าวดังกล่าว ได้เผยแพร่ออกมาภายหลังจากบริษัท  Acer  ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับ 3 ได้มีการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามมาในอุตสาหกรรมที่โนเกียเป็นเจ้าตลาดอยู่นั่นเอง ดังนั้นการที่โนเกียจะขยายตลาดด้วยการกระโดดจากธุรกิจหนึ่งไปสู่อีกธุรกิจหนึ่งนั้น  จึงมิใช่เรื่องแปลก เพราะเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายกิจการในยามที่ธุรกิจดั้งเดิมของตนเริ่มอิ่มตัว  ในเมื่อขยายไม่ออก ก็จำเป้นต้องกระโจนเข้าสู่ธุรกิจใหม่  ที่มีช่องว่างเพียงพอต่อการทำตลาดได้ ทำนองเดียวกันกับบริษัท Apple ที่กระโดดจากธุรกิจคอมพิวเตอร์เข้าสู่ธุรกิจเครื่องเล่น  MP3 และก้าวเข้าสู่โทรศัพท์  iPhone ที่โด่งดังไปทั่วโลก และต่อไปนี้เป็นบริษัทชั้นนำที่อยู่ในตลาด วึ่งเป็นผู้ผลิตทั้งคอมพิวเตอร์รวมถึงโทรศัพท์มือถือ
                
-           Apple ที่ทำตลาดคอมพิวเตอร์ในนามของ Macintosh รวมถึงโทรศัพท์มือถืออย่าง iPhoneซึ่งสินค้าของ Apple มีความโดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมและการออกแบบสวยงามเหนือชั้นกว่าคู่แข่งขัน  อีกทั้งยังไปที่ชื่นชอบของลูกค้าเป็นอยากมาก
-           HP เจ้าตลาดอันดับ 1 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งแบพีซีและโน้ตบุ๊ค
-           DEll เจ้าตลาดอันดับ 2 ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ทั้งแบบพีซีและโน้ตบุ๊ค รวมถึงการับประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ตามสเปกที่ลูกค้าต้องการ และกำลังคิดจะรุกเข้าตลาดโทรศัพท์มือถืออยู่เช่นกัน
-         Acer เป็นเจ้าตลาดอันดับ 3 ของผู้ผลิตคอมพิวเตอร์กำลังกระโดดข้ามมาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ
-          Sony ผู้ผลิตโน้ตบุ๊คคอมพิวเตอร์ในชื่อ Vaio รวมถึงโทรศัพท์ในชื่อของ Sony Ericsson        
        ความสำคัญอยู่ที่หาก Nokia ตัดสินใจขยายไปสู่ธุรกิจที่เต็มไปด้วยสมรภูมิการแข่งขัน จากผู้ค้ารายเดิมที่มีความแข็งแกร่งตามรายะเอียดข่างต้น ดังนั้น  Nokia จะสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่  จนสามารถมีที่ยืนอย่าง Phone ของบริษัท Apple ที่เดิมทำธุรกิจเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และกระโดดข้ามเข้ามาทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือจนสำเร็จ
คำถามจากกรณีศึกษา
1. ท่านคิดว่า บริษัท Nokia ตัดสินใจกระโดดข้ามมาทำธุรกิจคอมพิวเตอร์แล็ปทอป เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร จงให้เหตุผลประกอบ
ตอบ จากความเห็นส่วนตัวคิดว่าไม่ถูกต้อง เนื่องจาก ความน่าเชื่อถือของโนเกียในด้านของแล็ปทอปยังมีน้อยในด้านนี้ อีกทั้งบริษัทคู่แข่งขันนั้นมีความเชี่ยวชาญมากกว่าในสายตาของผู้บริโภค เป็นผลให้การทำการตลาดเพื่อแบ่งส่วนตลาดเป็นไปได้ยาก
2. "โนเกียควรปกป้องตลาดมือถือของตนเองต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องลงมาทำตลาดคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา ซึ่งยังมีช่องว่างอยู่มากมายอย่างตลาดของ Smart-Phone ที่โนเกียสามารถรุกเข้าไปทำตลาดอย่างจริงจัง" อยากทราบว่า Smart-Phone คืออะไร และท่านเห็นดัวยกับกลยุทธ์ตามดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ อย่างไร
ตอบ  Smart Phone หมายถึงโทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมของ PDA เข้าไป ทำให้สามารถมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น รับส่งอีเมล์ มีปฏิทิน จัดทำตารางนัดหมาย และ contact เป็นต้น เรียกได้ว่า Smart Phone เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมเลยทีเดียว 
          จากข้อความผมเห็นดัวย เนื่องจากถ้าพิจารณาจากตลาดมือถือยังถือว่ากว้างมาก นอกจากนั้นโนเกียยังเป็นยี่ห้อมือถือที่ลกค้าให้ความเชื่อมั่น ควรตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากจะเป็นการดีที่สุด
3. บริษัท Apple ซึ่งเดิมเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในนามของ Macintosh ที่ได้ขยายธุรกิจข้ามมายังอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในนามของ Phone และยังสามารถยืนหยัดทำสำเร็จจนเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก ท่านคิดว่าบริษัท Apple ได้ชูกลยุทธ์ใดในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า
ตอบ Apple ได้ชูกลยุทธ์ด้านการออกแบบสินค้า โดยออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์แฟชั่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่ที่ชอบเทคโนโลยี ทั้งนี้ตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดระดับบนที่มีรายได้สูง
ที่มา :http://wattanachai-mc.blogspot.com/2011/07/nokia.html
โดยนายธวัชชัย บุญมี บ.กจ. 3/1

แบบฝึกหัดท้าย บทที่ 4



แบบฝึกหัดท้าย บทที่ 4
1.ทำอย่างไร ที่องค์กรธุรกิจ ที่องค์กรธุรกิจสามารถที่จะใช้เครือข่ายระหว่างองค์กร ในการจัดเก็บ เข้าถึงและแจกจ่ายข้อมูล และสารสนเทศ ไปยังหน่วยงานภายใน และหน่วยงานภายนอกได้
ตอบ      ประเภทเครือข่ายในองค์กร
1. ระบบอินเทอร์เน็ต (Internet) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์หลายๆ เครือข่าย ที่มีการเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน โดยที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั่วโลก
2. ระบบอินทราเน็ต (Intranet) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใช้สื่อสารภายในกลุ่มขององค์กรนั้น ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีของอินเทอร์เน็ต (Inernet) เป็นพื้นฐาน
3. ระบบเอ็กซ์ทราเน็ต (Extranet) เป็นการเชื่อมโยงระหว่างองค์กรต่าง ๆ ที่มีอินทราเน็ตเข้าด้วยกัน การใช้เอ็กซ์ทราเน็ตนั้น องค์กรที่เชื่อมกันอยู่จะสามารถแบ่งข้อมูลภายในได้ตลอดเวลาระหว่างเครือข่ายอินทราเน็ตของตนกับองค์กรอื่น ๆ หรือผู้ใช้บริการได้อย่างปลอดภัย
ที่มา: http://home.kku.ac.th/regis/student/kk/page4.html
2.อะไรคือบทบาทของจัดการฐานข้อมูล การบริหารฐานข้อมูล และการวางแผนที่จะใช้ข้อมูลมาเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ
ตอบ     การจัดการฐานข้อมูล(Database Management) คือ การบริหารแหล่งข้อมูลที่ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ศูนย์กลาง เพื่อตอบสนองต่อการใช้ของโปรแกรมประยุกต์อย่างมีประสิทธิภาพและลดการซ้ำซ้อนของข้อมูล รวมทั้งความขัดแย้งของข้อมูลที่เกิดขึ้นภายในองค์การ ในอดีตการเก็บข้อมูลมักจะเป็นอิสระต่อกันไม่มีการเชื่อมโยงของข้อมูลเกิดการ สิ้นเปลืองพื้นที่ในการเก็บข้อมูล เช่น องค์การหนึ่งจะมีแฟ้มบุคคล (Personnel) แฟ้มเงินเดือน (Payroll) และแฟ้ม สวัสดิการ (Benefits) อยู่แยกจากกัน เวลาผู้บริหารต้องการข้อมูลของพนักงานท่านใดจำเป็นจะต้องเรียกดูแฟ้มข้อมูลทั้ง 3 แฟ้ม ซึ่งเป็นการไม่สะดวก จงทำให้เกิดแนวความคิดในการรวมแฟ้มข้อมูลทั้ง 3 เข้าด้วยกันแล้วเก็บไว้ที่ ศูนย์กลางในลักษณะฐานข้อมูล (Database) จึงทำให้เกิดระบบการจัดการฐานข้อมูล (Database Management system (DBMS) ซึ่งจะต้องอาศัยโปรแกรมเฉพาะในการสร้างและบำรุงรักษา (Create and Maintenance) ฐาน ข้อมูลและสามารถที่จะให้ผู้ใช้ประยุกต์ใช้กับธุรกิจส่วนตัวได้โดยการดึงข้อมูล (Retrieve) ขึ้นมาแล้วใช้โปรแกรมสำเร็จรูปอื่นสร้างงานขึ้นมาโดยใช้ข้อมูลทีมีอยู่ในฐานข้อมูล แสดงการรวมแฟ้มข้อมูล 3 แฟ้มเข้าด้วยกัน
ที่มา:http://irrigation.rid.go.th/rid15/ppn/Knowledge/Database/database3.htm
การบริหารฐานข้อมูล  ในระบบฐานข้อมูลนอกจากจะมีระบบการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อจัดการกับข้อมูลให้เป็นระบบ จะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้ หรือนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่ายแล้ว ในระบบฐานข้อมูลยังต้องประกอบด้วยบุคคลที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลระบบฐานข้อมูล คือ ผู้บริหารฐานข้อมูล
แผนธุรกิจ หรือ Business Plan คือแผนการดำเนินงานของธุรกิจ หรือโครงการหนึ่งๆ ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจทั้งในระยะสั้น 1 – 3 ปี และในระยะยาว 3 – 5 ปี อันประกอบไปด้วยการวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อธุรกิจทั้งทางด้านมหภาค (Macro Analysis) และจุลภาค (Micro Analysis) การวิเคราะห์ธุรกิจของโครงการในแง่มุมต่างๆ ทั้งทางด้านการตลาด ทางด้านการดำเนินงาน ทีมผู้บริหาร และทางด้านการเงิน เพื่อเป็นการประเมินความเป็นไปได้ของโครงการ และเป็นกรอบในการดำเนินธุรกิจ แนวทางการพัฒนาธุรกิจในอนาคต

3. อะไรคือประโยชน์ของแนวคิดในการรวบรวมฐานข้อมูล การเข้าถึง และการจัดการทรัพยากรข้อมูล จงยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ ผู้ใช้ควรมีทรรศนะต่อข้อมูลว่าเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่ต้องเรียนรู้การจัดการที่เหมาะสม เพื่อให้แน่ใจในความสำเร็จและความอยู่รอดขององค์กร การจัดการฐานข้อมูลเป็นส่วนสำคัญของโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้เทคโนโลยีระบบสารสนเทศสำหรับจัดการทรัพยากรข้อมูลขององค์กร ดังนั้นความพยายามหลักในการจัดการทรัพยากรมีความจำเป็นเพื่อนชดเชยปัญหาที่มีผลมาจากการใช้แนวทางการจัดการฐานข้อมูล คือ การบริหารระบบฐานข้อมูล การวางแผนข้อมูล การบริการข้อมูล
 เช่น การลดความซับซ้อนของข้อมูล การรวบรวมข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อการเข้าถึงจากหลายโปรแกรมและหลายผู้ใช้



4.อะไรคือบทบาทของระบบสารสนเทศในการจัดการระบบฐานข้อมูล
ตอบ ส่วนประกอบพื้นฐานต่าง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวข้องกันในการจัดเก็บ จัดการประมวลผล และเผยแพร่แสดงผลข้อมูลสารสนเทศ และสนับสนุนกลไกลของผลสะท้อนกลับ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
5.ฐานข้อมูลสารสนเทศนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการปฏิบัติการภายในองค์กร ให้พิจารณาว่ายังมีฐานข้อมูลประเภทใดอีกที่มีความสำคัญในธุรกิจปัจจุบัน
ตอบ  การใช้ฐานข้อมูลการตลาด การขาย การตั้งยอดขายและเป้าหมายทางธุรกิจอื่นๆ การบริหารสินค้าคงคลัง การบริหารบุคลากร และการบริหารอื่นๆเป็นต้น
6.อะไรคือข้อดีหรือประโยชน์และอะไรคือข้อจำกัดของตัวแบบความสำพันธ์ของฐานข้อมูลที่ประยุกต์ใช้ในทางธุรกิจปัจจุบัน
ตอบ ข้อดี เกิดจากความซับซ้อนขอลเทคโนโลยีที่มีมากขึ้น แนวคิดเชิงการจัดการฐานข้อมูลทำให้เกิดปัญหาจัดการทัรพยากรข้อมูล มีการติดตั้ง DBMS ที่ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายที่สูง และมีความต้องการฮาร์แวร์มากขึ้น
7.จงอธิบายถึงฐานข้อมูล คลังข้อมูล และตลาดข้อมูลในความเข้าใจของนักศึกษา
ตอบ  ฐานข้อมูล  ใช้เพื่อการวิเคราะห์ คลังข้อมูล ทำการประมวลผล   ตลาดข้อมูล  คลังข้อมูลขนาดเล็ก เป็นยุทธวิธีเพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจในทันทีทันใด และสามารถปรับปรุงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว
8.ทำไมตัวแบบฐานข้อมูลเชิงวัตถุ จึงได้รับการยอมรับในการนำเอามาพัฒนาและจัดการฐานข้อมูลทางธุรกิจบนเว็บ
ตอบ สิ่งที่ขับเคลื่อนคือ อินเทอร์เน็ต เพราะสารสนเทศจำนวนมากข้ามไปบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นสื่อประสม ความต้องการฐานข้อมูลของธุรกิจเพื่อเก็บ รับ และจัดการข้อมูลประเภทอื่นๆทั้งเอกสาร วีดีทัศน์ และเสียง
9.ทำอย่างไรที่จะนำเอาอินเทอร์เน็ต และ World Wide Web มาใช้ในการจัดการทรัพยากรข้อมูลเพื่อประกอบการทำธุรกิจได้
ตอบ การเข้าถึงสารสนเทศที่มีค่าของฐานข้อมูลภายนอกจากพาณิชย์บริการต่อตรงโดยจ่ายค่าธรรมเนียม หรือจากแหล่งต่างๆบนอินทราเน็ต ทั้งที่มีค่าใช้จ่ายหรือไม่มีค่าใช้จ่าย จากเว็บ


โดย นายธวัชชัย บุญมี บ.กจ.3/1

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ประวัติความเป็นมาของ วอลมาร์ท

ประวัติบริษัทวอลมาร์ท

วอลมาร์ท เป็นชื่อของร้านค้าแนวดิสเคาน์สโตร์สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งสาขาแรก
ที่มลรัฐอาคันซอ (Arkansas) ในปี พ.ศ. 2505 โดย แซม วอลตัน (Sam
Walton) เพื่อเป็นร้านขายของราคาถูก ปัจจุบันใช้สโลแกนว่า "Save Money
Live Better" แทนสโลแกนเดิม คือ "Always Low Prices, Always"
ซึ่งใช้มาก่อนหน้านี้ 19 ปี

วอลมาร์ทยังเป็น "ต้นแบบ" ของร้านค้าประเภทเดียวกันนี้ เช่น เทสโกโลตัส
และคาร์ฟูร์ ในอดีตโลตัสของซีพีที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2537 ก็ได้นำคนจากวอลมาร์ท
เข้ามาเป็นที่ปรึกษาและวางระบบให้ ในครั้งนั้นวอลมาร์ทเกือบจะเข้ามาขยาย
การลงทุนในไทย แต่ก็เลือกไปที่จีนแทน เพราะเห็นโอกาสทางการตลาดที่ใหญ่กว่า

ภายหลังกลุ่มเทสโก้เข้ามาเทคโอเวอร์โลตัส และเปลี่ยนชื่อเป็น เทสโก้โลตัส
ต่อมาเมื่อมีการร่วมทุนจากต่างประเทศกับกลุ่มค้าปลีกไทยมากขึ้น จึงส่งผลให้
ร้านค้าปลีกในแบบดิสเคาน์สโตร์หรือไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย
ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าวอลมาร์ทจะไม่มีสาขาในประเทศไทย
แต่ในฐานะที่มียอดขายรวมมากที่สุดในโลก
จึงถือเป็น "เบอร์ 1"  และถือเป็น "ตำนาน"
ของร้านค้าปลีกในแนวดิสเคาน์สโตร์

ที่มา : นิตยสาร BrandAge ฉบับเดือนกันยายน
2551, http://learners.in.th, http://en.wikipedia.org
 
ส่งโดย นายธวัชชัย   บุญมี บ.กจ 3/1

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความแตกต่างของคลื่อนทั่ง 4 ลูก

  ความแตกต่างของคลื่อนทั่ง 4 ลูก
ข้าพเจ้าขอกล่าวอ้างข้อมูลจากการค้นคว้าถึง แนวคิดเกี่ยวกับคลื่นลูกที่ 4 ของดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ นักวิชาการและนักคิดระดับชาติ  ในการกล่าวปาฐกในเรื่อง “คลื่นแห่งการเปลี่ยนของโลก” โดยต่อยอดแนวคิดของ Alvin Tofler (นักอนาคตวิทยาและผู้เขียนหนังสือ The Third Wave)  โดยได้กล่าวถึงคลื่นทั้ง4ดังนี้

คลื่นลูกที่ 1 “สังคมเกษตรกรรม” ปัจจัยแห่งยุคคือที่ดิน ผู้นำทางสังคมหรือผู้นำแห่งยุคคือจอมพล ผู้กุมอำนาจทหารเพื่อปกป้องปัจจัย และหาปัจจัยใหม่ให้สังคมของตน ยุคนี้เป็นยุคที่พ่อค้าวานิช จะหลบซ่อนอยู่หลังทหาร
คลื่นลูกที่ 1.ยุคเกษตรกรรม
คลื่นลูกที่4-ยุคเกษตรกรรม1


คลื่นลูกที่ 2 “สังคมอุตสาหกรรม” ปัจจัยแห่งยุคคือทุน เครื่องมือแห่งยุคได้แก่เครื่องจักร เครื่องกลต่างๆ หลังจากที่มีการคิดค้นสร้างเครื่องจักรไอน้ำ โลกเราก็เข้าสู่สังคมอุตสาหกรรม มีการสร้างถนน และสาธารณูปโภคต่างๆ การเดินทางไปมาหาสู่กันของคนมีมากขึ้นเนื่องจากการคมนาคมสะดวกขี้น ภาษาท้องถิ่นเริ่มมีบทบาทน้อยลง ในขณะที่ผู้คนหันมาเรียนรู้ที่จะใช้ภาษาสากล เพื่อง่ายและมีประสิทธิผลในสื่อสารระหว่างกันมากขึ้น ยุคนี้เป็นยุคที่ทหารจะซ่อนอยู่หลังนายทุน พ่อค้า นักธุรกิจ
คลื่นลูกที่ 2.ยุคอุตสาหกรรม
คลื่นลูกที่4-2ยุคอุตสาหกรรม


คลื่นลูกที่ 3 “สังคมแห่งข้อมูล” ปัจจัยแห่งยุคคือข้อมูล เครื่องมือแห่งยุคคือ IT สิ่งต่างๆ ในยุคนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เข้าถึงข้อมูลก่อนจะได้เปรียบในการแข่งขัน ตัวอย่างง่ายๆ เช่นใครที่รู้ก่อนว่าถนนจะตัดไปทางไหน ก็จะไปกว้านซื้อที่ดินแถบนั้นเพื่อเก็งกำไร ซึ่งผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนทำธุรกิจแบบดั้งเดิมหลายเท่าตัวเสียอีก หรือ การที่ Microsoft เติบโตแซงหน้า GE และ บริษัทรถยนต์เครื่องจักรยักษ์ใหญ่ในเวลาเพียงไม่กี่ปี เป็นต้น
คลื่นลูกที่ 3. ยุคสารสนเทศหรือข้อมูลข่าวสาร
คลื่นลูกที่4-3.ยุคสารสนเทศ


คลื่นลูกที่ 4 “สังคมแห่งองค์ความรู้” ปัจจัยแห่งยุคคือความรู้ เครื่องมือแห่งยุคคือศาสตร์แขนงต่างๆ เช่น nanotechnology, biotechnology, pharmaceutical เป็นต้น เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน อาจารย์เกรียงศักดิ์ได้ยกตัวอย่างว่าปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีประชากรเพียง 1% เท่านั้นที่เป็นสังคมของคลื่นลูกที่ 1 ประชากรถึง 70% นั้นอยู่ในคลื่นลูกที่ 4 และประชากรส่วนที่เหลืออยู่ในสังคมคลื่นลูกที่ 2 และ 3
คลื่นลูกที่ 4. ยุคเครือข่าย
4.Network
    

        จากแนวคิดนี้อาจมองได้ว่าในสังคมยุคคลื่นลุกที่4นี้  สิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์มากที่สุดคือ ความรู้และการศึกษา  ซึ่งได้รับการเกื้อหนุนจากคลื่นลูกที่3  ซึ่งทำให้องค์ความรู้เข้าถึงตัวมนุษย์ได้ง่ายขึ้น  นอกจากนี้แนวโน้มของการประเมินคุณค่าของคนท่ามกลางยุคคลื่นลูกใหม่นี้  อาจวัดกันที่ว่าใครเป็นผู้ที่สามารถดึงองค์ความรู้เหล่านี้มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่ากัน  เพราะในเมื่อโอกาสในการเข้าถึงความรู้มรมากแล้วก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของคนว่าจะดึงมาใช้อย่างไร  ในขณะที่คนที่ไม่อาจดึงองค์ความรู้มาใช้ได้ก็จะกลายเป็นคนที่ล้าหลังหรือสังคมมองอย่างด้อยคุณค่าในฐานะผู้ไม่อาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ใดๆ  หรือเป็นเพียงฐานให้ผู้ที่เหนือกว่าเหยียบขึ้นไปเท่านั้น


อ้างอิง http://www.learners.in.th/blog/naruebass-panich/462025 และ http://a2cds.blogspot.com/2011/02/4.html


นายธวัชชัย บุญมี บ.กจ.3/1

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

กรณีศึกษา บทที่4

คำถามกรณีศึกษาบทที่ 4-1
1.Searใช้ข้อมูลภายนอกในคลังข้อมูลเพื่อปรับปรุงธุรกิจได้อย่างไร
ตอบ สำหรับคลังข้อมูลของหลายๆ บริษัทแล้วแยกที่จะกล่าวกับผู้ใช้ว่าอะไรอยูภายในขอบเขตของเขา เช่น การเปลียนแปรงภายใน (Internl TransactionS) ประวัติการขาย (Sale Hstories) หรือระเบียนลูกค้า (Customer Records) จำนวนมหาศาล ผู้จัดการหลายำบริษัทกล่าวว่าบริษัทของเขาเชือมั่นอย่างมากในสารสนเทศภายนอก เช่นประชากรศาสตร์ (DemoGraphics) และการพยากรณ์ทางเศรษฐกิจ (Economic Forecasts
2. มูลค่าทางธุรกิจ (Business  Value) อะไรที่  MCI  ได้รับจากคลังข้อมูล
ตอบ นักวิเคราะห์การตลาดตรวจสอบรายชื่อภายนอก เพื่อให้แน่ใจว่ายังเป็นปัจจุบันและสารสนเทศที่ MCI ต้องการ รวมทั่งชื่อลูกค้ารายใหม่ด้วย "เราจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ข้อมูลและเราต้องแน่ใจว่าได้ของดีคุ้มกับเงินที่จ่ายไป"
3. ท่านคิดอย่างไรที่ Mary Ann Beach หมายถึงเมื่อเธอกล่าวถึงข้อมูลภายนอกว่าเป็น ความลับวิธีการที่ทำเงินให้เรา ในการรณรงค์ทางด้านการตลาด
ตอบ เห็นด้วย เพราะข้อมูลภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดข้อมูลใหม่ๆเกิดขึ้น
กรณีศึกษาบทที่4-2
1.ผลประโยชน์ทางธุรกิจอะไรที่บริษัทคาดหวังจากการเปลี่ยนคลังข้อมูลและระบบธุรกิจปัจจุนับเป็นโปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite
ตอบ ช่วยให้เราเข้าใจธุรกิจ ทำให้เราสามารถวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจได้
2.บทเรียนทางธุกิจอะไรที่ บริษัทเรียนรู้จากการใช้คลังข้อมูลปัจจุบัน
ตอบ บทเรียนที่สำคัญคือ มูลค่าของคลังข้อมูลและเครื่องมือวิเคราะห์ของธุรกิจ
3.ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบที่มีต่อผู้ใช้ของธุรกิจในการย้ายไปใช้โปรแกรมประยุกต์ Oracle Suite
ตอบ ผู้ใช้พอใจเครื่องมือใหม่มากกว่าเครื่องมือเดิมเนื่องจากให้ข้อมูลที่ดีกว่า

นายธวัชชัย บุญมี บ.กจ. 3/1

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 3

1. นักศึกษาใช้แนวคิดเชิงระบบในการแก้ไขปัญหา เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหาด้านการตลาด    ทางด้าน    การเงิน ทางด้านทรัพยากรมนุษย์หรือไม่ จงอธิบาย
   ตอบ ช้ เพราะแนวคิดเชิงระบบในการใช้แก้ปัญหานั้น เป็นแนวคิดที่สามารถนำไปแก้ปัญหาได้ทุกทางของปัญหา และเป็นกระบวนการที่เป็นระบบในการจัดลำดับความคิดมากขึ้น
  2. ทำไมนักศึกษาจึงคิดว่า การจัดทำต้นแบบ( Prototypiag) จึงกลายมาเป็นที่นิยมในการพัฒนาระบบใหม่ทางธุรกิจที่มีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นพื้นฐาน
    ตอบ เป็นการพัฒนาการที่รวดเร็วและเป็นการทดสอบการทำงานของแบบจำลองหรือต้นแบบของระบบงานใหม่ ในการโต้ตอบและกระบวนการทำซ้ำประโยคคำสั่งในโปรแกรม เรียก การรวนรอ  
3. ให้นักศึกษาอธิบายว่า ปัจจุบันมีการนำการจัดทำต้นแบบเข้ามาแทนที่ หรือมาเสริมการพัฒนาระบบสารสนเทศ
ตอบ การสร้างต้นแบบสามารถใช้ได้ทั้งกับระบบงานขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ระบบงานขนาดใหญ่มีความต้องการในการใช้การพัฒนาจากระบบแบบเดิม ต้นแบบของระบบงานด้านธุรกิจที่เกิดความต้องการจากผู้ใช้
นั้นจะช่วยให้การพัฒนาดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำซ้ำหรือปรับแต่งในส่วนของรายละเอียดจนผู้ใช้ให้การยอมรับ การทำต้นแบบขึ้นอยู่กับกระบวนการพัฒนาระบบสำหรับการใช้งานด้านธุรกิจ

 4. ตอบ



หลักเกณฑ์
น้ำหนัก
ทางเลือกที่ 1
คะแนน
ทางเลือกที่ 2
คะแนน
ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น
20
1,000,000 บาท
12
200,000 บาท
20
ค่าใช้จ่ายในการเดินเนินงาน
30
100,000 บาท
25
300,000 บาท
18
สะดวกต่อการใช้งาน
20
ดี
16
พอใช้
12
ความถูกต้อง
20
ดีเยี่ยม
20
พอใช้
8
ความน่าเชื่อถือ
10
ดีเยี่ยม
10
ดีเยี่ยม
10
รวม
100
83
68


 เลือกทางเลือกที่ 1 เพราะว่าง่ายต่อการใช้งานดี มีความถูกต้องดีเยี่ยม และความถูกต้องดีเยี่ยม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีถึงค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะสูงก็ตามแต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อปีน้อยกว่าทางเลือกที่ 2


  5. มีซอฟต์แวร์ประยุกต์อะไรบ้าง ที่ผู้ใช้สามารถนำมาประยุกต์ใช้พัฒนาธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต และอินทราเน็ต เว็ปไซท์
ตอบ   ในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ (package) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความนิยมใช้กันสูงมาก ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาขึ้น แล้วนำออกมาจำหน่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานซื้อไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์อีก ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป และเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่
1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ (word processing software) เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูล เรียกมาพิมพ์หรือแก้ไขใหม่ได้ การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำอีกมากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น วินส์เวิร์ด จุฬาจารึก โลตัสเอมิโปร
2) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน (spread sheet software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงานที่มีกระดาษขนาดใหญ่วางไว้ มีเครื่องมือคล้ายปากกา ยางลบ และเครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงานที่นิยมใช้ เช่น เอกเซล โลตัส
3) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล (data base management software) การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล การรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์ เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บ การเรียกค้นมาใช้งาน การทำรายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น เอกเซส ดีเบส พาราด็อก ฟ๊อกเบส
4) ซอฟต์แวร์นำเสนอ (presentation software) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดูดความสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น เพาเวอร์พอยต์ โลตัสฟรีแลนซ์ ฮาร์วาร์ดกราฟิก
5) ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล (data communication software) ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลนี้หมายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ไมโครคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในที่ห่างไกล โดยผ่านทางสายโทรศัพท์ ซอฟต์แวร์สื่อสารใช้เชื่อมโยงต่อเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ สามารถใช้รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้โอนย้ายแฟ้มข้อมูล ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล อ่านข่าวสาร นอกจากนี้ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม เพื่อเรียกใช้งานจากเครื่องเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลที่นิยมมีมากมายหลายซอฟต์แวร์ เช่น โปรคอม ครอสทอล์ค เทลิ

 6.  การนำเอาซอฟต์แวร์ Case Tools มาช่วยสนับสนุนขั้นตอนของวงจรการพัฒนานั้นแต่ก็มีไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จในท้องตลาดทั่วไป และในลักษณะเช่นเดียวกันการนำเอา CASE Tools  ไปช่วยนักพัฒนาในส่วนของการจัดต้นแบบ และกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับบุคล นักศึกษาคิดว่า เป็นเพราะเหตุใด ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
   ตอบ    เพราะการใช้ I-CASE สามารถใช้ช่วยการพัฒนาระบบทุกส่วนของเคสทูล ช่วยสนับสนุน JAD ซึ่งกลุ่มของนักวิเคราะห์ระบบโปรแกรมเมอร์และผู้ใช้ สามารถใช้งานร่วมกันใยการออกแบบระบบงานใหม่ได้อย่างดี


        ส่งโดย    นาย ธวัชชัย   บุญมี
                     บ.กจ 3/1